กาฐมาณฑุเมืองหลวงของเนปาล ที่ตั้งของพระราชวังเก่า
เดินชิวชิวตระเวณชมเมืองทั่วกรุงกาฐมาณฑุ พระราชวังเก่า เทวลัย จตุรัสดูร์บา ร้านอาหารพื้นเมือง ร้านขายของที่ระลึกบอกเลยตรงนี่คล้ายสำเพ็งบ้านเรามาก อยากได้ไร พูดดด 5555 ขอมีตังก์ในเป๋าเป็นพอเพลินเลยจ้า ^_____^
(ที่มา: กรินทร์ กรินทร์สุทธิ)
ได้กลิ่นอายตะวันตกผสมผสานผนวกเข้ากับสถาปัตยกรรมพื้นเมืองของคนเนปาล ศิลปะที่ลงตัวพอดีเป๊ะ
เจอกองกำลังทหารอยู่ตามจุดแอบระทึก เอาแล้วไง เกิดไรขึ้น???กระตุ้นต่อมวัยอยากรู้อยากเห็นแล้วซี
ได้ความว่าวันนี้เป็นวันสตรีอะไรซักอย่างนี่แหล่ะของหญิงชาวเนปาล
ที่ออกมาถือป้ายยืนประท้วงกันเพื่อเรียกร้องสิทธิให้เท่าเทียมชาย
ทำอะไรได้มากขึ้นเหมือนผู้ชาย จะเห็นได้ว่าผู้หญิงในประเทศเนปาลและอินเดีย
หรือในฝั่งโลกมุสลิมยังมีข้อจำกัดเรื่องสิทธิต่างๆอยู่มาก ไม่มีอิสระเสรี
ถูกกดขี่ในหลายเรื่อง เราในฐานะผู้หญิงเหมือนกันขอเอาใจช่วย สู้ สู้ !!!!!!!
เทวรูปหนุมาน ชาวเนปาลให้ความเคารพอย่างสูงจะเห็นฝุ่นสีแดงที่นำมาเจิมทาทั่วองค์ท่านจนสีพูนทับกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนมองไม่เห็นรูปปั้นหนุมาน
( คนเนปาลมีความเชื่อว่าสีแดงหรือฝุ่นแดงเป็นสีมงคล
สีแห่งความโชคดีเป็นตัวแทนพรจากพระเจ้า )
ผ้าแดงที่เอามาคลุมตัวนั้นเป็นการแต่งตัวให้เหมือนกับการถวายเครื่องแต่งกาย คล้ายๆประเพณีบ้านเราที่ถวายชุดไทยให้กับศาลเจ้าหรือเทพที่ตัวเองศรัทธา
ส่วนผ้าที่ใช้ปิดตาหนุมานไว้นั่นน่ะ เพราะด้วยความเชื่อว่าหนุมานเป็นลิงของพระเจ้า
ถือเพศพรหมจรรย์ครองตัวบริสุทธิ์
ต่างจากหนุมานในรามเกียรติ์ของไทยนะจ๊ะที่มีเมียเป็นพันเลย
ไปที่ไหนมีเมียที่นั่นจนมีคนนำมาบูชาเรื่องความรักก็มี
ประตูทางเข้าพระราชวังหนุมานโดกา
ทหารเฝ้าพระราชวัง ตะมุตะมิ ป่ะล่าา คริคริ
พระราชวังหนุมานโดกา ภายในจะมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับราชวงศ์
โดยใช้พระตำหนักเป็นห้องจัดแสดง ต้องจ่ายค่าเข้าชม ฝากของไว้ที่ล็อกเกอร์
เรื่องราวของราชวงศ์เนปาลน่าสนใจมากแต่สะเทือนใจตอนท้ายเรื่องเหลือเกิน
ขอไม่เล่าในส่วนนี้หากใครอยากทราบเรื่องราวความเป็นมา
กูเกิ้ลเลยจ้าที่นี่มีคำตอบทุกสิ่งอย่างให้คุณเลือกสรร ^^
สถาปัตยกรรมงานแกะสลักไม้งดงามมากกกก
กำลังเพ่งพินิจอยู่ว่าทำยังไงแกะไม้ได้ละเอียดยิบเลยแถมอิฐที่ก่อตัวเป็นอาคารขึ้นไปสูงๆเทียบกับตึกสูง
10 ชั้นเลย
แค่นำอิฐมาเรียงๆกันโดยไม่ได้ใช้ปูนฉาบไว้เลย มีความอยากรู้ไปอีก สุดยอด...ยอมจ้า^^
บริเวณลานพระราชวังหนุมานโดกา
กุมารีบาฮาล เทพธิดากุมารีตัวแทนของเทพธิดาตาเลจู ชาวเนปาลเชื่อว่าเป็นกุมารีตัวแทนของเจ้าแม่กาลี หรือองศ์พระศรีมหาอุมาเทวี ที่คนไทยรู้จักในนามพระแม่วัดแขก ตรงสีลมนั่นเอง ผู้ที่จะมาขึ้นเป็นกุมารีได้จะต้องมีศุภลักษณะเป็นผู้ดีครบถ้วนทั้ง 32 ประการ รูปสวย ผิวพรรณดี สมบูรณ์ทั้งทางกายและใจ เข้มแข็งไม่หวาดกลัวสิ่งใด นอกจากรูปร่างผิวพรรณดีแล้วก็จะต้องทดสอบจิตใจอีกหลายรูปแบบ เช่นจูงแพะมาตัดคอต่อหน้าเลือดพุ่งกระฉูดนองเต็มพื้น ( หูยยยย มีความสยองไปอีก ) พาเข้าไปในห้องลึกลับที่มืดๆคนเดียวแล้วทำเสียงโหยหวนน่ากลัวแบบปีศาจ แกล้งหลอกโยนหน้ากากปีศาจจากข้างบนลงมาใส่ ถ้าหากใครอุทานหรือกรีดร้องด้วยความตกใจ วิ่งหนีร้องไห้ออกมา ก็จะไม่ได้เป็นกุมารี แต่หากเด็กที่ไม่แสดงอาการหวาดหวั่นใดๆ นิ่ง สงบ ก็จะได้รับเลือกให้เป็นกุมารี เทพธิดาจากสวรรค์
กุมารีจะมีอยู่ 3ที่ คือ ที่ปาตัน ภัคตาปูร์ 2 ที่แรกนี้องศ์กุมารีจะประทับอยู่ที่บ้านตัวเอง มีชาวบ้านเข้ามากราบสักการะและให้ขจัดทุกข์อยู่ตลอด ส่วนที่กาฐมาณฑุจะประทับอยู่ที่พระราชวังเป็นองศ์ที่กษัตริย์และรัฐบาลดูแลอยู่และผู้ที่จะมาเป็นองค์กุมารีได้นั้นจะต้องสืบเชื้อสายศากยะเท่านั้น (สายที่สืบทอดเดียวกันกับเจ้าชายสิทธัตถะ พระพุทธเจ้านั่นเอง ) และผู้ที่จะเข้าพบได้ต้องเป็นชาวเนปาลเท่านั้นชาวต่างชาติเช่นเราหมดสิทธิ์ ได้แต่แหงนคอรอชมโฉมอยู่ข้างล่างของตำหนักเท่านั้น
ข้อห้ามขององค์กุมารี คือเท้าห้ามแตะพื้นดิน ถ้าออกจากวังก็ต้องนั่งเสลี่ยงไปเท่านั้น ห้ามเลือดตกยางออกเด็ดขาด หากวิ่งหกล้ม มีบาดแผลออกตามร่างกาย หรือก้าวเข้าสู่วัยสาวเต็มตัวมีโลหิตประจำเดือน ต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งทันที กลายเป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา แต่ก็จะได้รับของกำนัลเงินทองให้กลับไปใช้ดำรงชีวิตมากโขอยู่ แต่ก็เหมือนหญิงต้องสาปที่ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าที่จะขอแต่งงานด้วย ความเชื่อที่ว่าเคยเป็นของสูงมาก่อนหากอยู่กินกันไปอาจเกิดอาเพศผู้ชายมีอันเป็นไปถึงชีวิตได้ เลยกลายเป็นสาวคานทองนิเวศน์ไปซะงั้น นึกๆแล้วก็สงสารอยู่เหมือนกันเพราะต้องรับภาระช่วยเหลือคนมากหน้าหลายตาตั้งแต่เด็กๆ วันๆนึงไม่รู้ใครต่อใครมาให้ช่วยเหลือ ไม่ได้ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนเหมือนอย่างเด็กปกติทั่วไป พอเริ่มเป็นสาววัยที่ต้องมีคู่ครองมีครอบครัวก็ต้องฟาดแห้วไปอีกซะนี่ ช่างเป็นภาระอันแสนใหญ่หลวงยิ่งนัก ส่วนองศ์กุมารีที่เห็นในรูปเป็นองค์ปัจจุบันของปีที่เราไปเนปาลเลย รูปโปสเตอร์ซื้อจากหน้าพระราชวังองค์กุมารี สวยแรงมากก
พระราชวังกุมารีบาฮาล ตรงหน้าต่างส่วนนี้ที่องศ์กุมารีจะออกมายืนให้นักท่องเที่ยว หรือชาวต่างชาติชมบารมี จะอนุญาตให้เฉพาะคนเนปาลขึ้นเฝ้าข้างบนได้เท่านั้น ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเช่นเราแหงนคอรอด้วยความหวังต่อไป ก่อนที่กุมารีจะมายืนตรงหน้าต่างจะมีพี่เลี้ยงคอยบอกให้เก็บกล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอ โทรศัพท์ ห้ามถ่ายรูปกุมารีเด็ดขาด กุมารีจะออกมายืนแค่แวบๆแป๊ปเดียวจริงๆ บางคนมาแล้วไม่ได้พบก็มี ต้องวัดดวงเอา สุดคาดเดาและคาดหวังได้ แต่นับว่าเป็นโชคของเรามาก กุมารีออกมายืนทางหน้าต่าง มองมาทางเราและฮัมเพลงเบาๆจ้องตากันอยู่พักนึง พ่อแม่ของกุมารีชี้มือจากหน้าต่างลงมาตรงที่เรากับพี่สาวยืนอยู่ แล้วพูดกับไกด์ท้องถิ่นมาว่ากุมารีฮัมเพลงอวยพรให้เรา เราจะโชคดีกับสิ่งที่อธิษฐาน แถมย้ำว่ากุมารีไม่ค่อยออกมายืนนานแบบนี้แถมร้องเพลงด้วย ดีใจสิคะ แทบกรี๊ดดดด มิเสียแรงที่ข้ามน้ำ ข้ามภูเขาบินมาขอพรไกลถึงที่นี่ แต่ก็แปลกไม่รู้ว่าบังเอิญหรือความโชคดีในวาสนาสิ่งที่ขอก็สมปราถนาด้วยซี เพื่อนที่ไปด้วยบางคนมาเฝ้ารอพบกุมารีจนแหงกแม้แต่เงาก็ไม่เห็น ต้องรอเก้อเป็นแม่สายบัวก็มี เพราะกุมารีไม่ออกมา
ภายในบริเวนด้านล่างระหว่างยืนรอพบกุมารี
รออย่างมีความหวัง
เทพเจ้ากาฬไภรวะ หรือ กาฬไภราพ พระอิศวรปางดุร้าย เช่นเดียวกันกับเทพีทุรคาที่เป็นปางดุร้ายของชายาพระองค์ ไภรวะเป็นมหาเทพแห่งความตาย การทำลาย การขจัดความชั่วร้าย และยังเป็นมหาเทพแห่งการร่ายรำอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้สันนิษฐานว่า พระพิราพซึ่งเป็นเทพยักษ์ที่นาฏศิลปินไทยบูชา อาจจะเป็นพระไภรวะก็ได้ (ที่มา:กรินทร์ กรินทร์สุทธิ์)
เทวรูปพระพิฆเณศตลอดทางทุกซอก ทุกมุมของเนปาลเราจะเห็นเทวรูปเทพฮินดูปางต่างๆ ตั้งวางที่พื้นให้กราบไหว้บูชาได้ตลอดเวลา
วัวในตำนานคนฮินดูทั้งชาวเนปาลและอินเดียมีความเชื่อว่า เป็นวัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า เป็นบริวารของพระศิวะ ห้ามทำร้ายหรือฆ่า และจะนำความโชคดีมาให้กับคนเลี้ยงดู
ฤษี อันนี้ซูมถ่ายแต่ไกล ถ้าถ่ายตรงๆหน้าหล่อๆ เสียตังก์นะจ๊ะ ไม่งั้นโดนสาปแช่ง คนฮินดูเชื่อว่าฤษีเป็นบริวารของพระเจ้า มีสิทธิ์ชี้เป็น ชี้ตาย หากโดนสาปแช่งจะเป็นไปตามปาก แต่ก็เห็นเดินขอเงิน นักท่องเที่ยวตามทางตลอด บางคนไม่ให้ก็ยืนด่าเขาไปอีก เฮ้อ......นารายณ์ นารายณ์
บริเวณดูบาร์สแคว นกพิราบเยอะมาก ดวงเฮงก็ได้รับโชคก้อนโตไป คนละแปะ สองแปะ แหมะตามตัวแล้วแต่โชคของแต่ละคน แต่เราถ้าจะไม่มีดวงทางนั้นกับเขา เลยไม่ได้รับโชคซักก้อนเลย อิอิ
หญิงเนปาลกลุ่มนี้รวมตัวนั่งสวดมนต์ ผู้คนที่นี่เสียงเพราะด้วยนะ ฟังแล้วเพลินสบายหูมาก
สามล้อปั่นในประเทศเนปาลยังเป็นยานพาหนะที่นิยมใช้บริการกันอยู่ ลองนั่งมาแล้ว สรุปเดินเถอะเร็วกว่า เพราะที่นี่รถเยอะมากไม่ด้อยไปกว่าที่อินเดียเลย แถมเสียงบีบแตรขอทางกันดังสนั่นหวั่นไหวยังกับบีบแตรชวนทะเลาะมากกว่า
แท็กซี่ เล็กกระทัดรัด เห็นสภาพแบบนี้สนนราคาอยู่ที่เก้าแสนรูปีเลยนะเออ คนเนปาลเรียกว่าวิญญาณแท็กซี่ คือจะไม่มีสภาพใหม่หรือดีกว่านี้ ที่เห็นในรูปคือสภาพดีแล้ว วิ่งปรู๊ด คล่องปร๊าดทุกคัน นะจ๊ะ
ข้อมูลดีมากเลย
ตอบลบ